วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559






 สรุปวีดีโอ (เพิ่มเติม)

เรื่อง : การทดลอง ภูเขาไฟระเบิด 

โดย : จาน่าน้อย

******************************************************



ส่วนผสม
  1. น้ำส้มสายชู
  2. น้ำยาล้างจาน
  3. สีผสมอาหารสีแดง
  4. เบกิ้งโซดา
วิธีการทดลอง
  1. ใส่น้ำส้มสายชูลงไปตามด้วยสีผสมอาหาร
  2. ใส่น้ำยาล้างจานลงไปหลังจากนั้นให้ใส่เบกิ้งโซดาลงไป จะทำให้สิ่งที่เราใส่ลงไปไหลออกมาคล้ายกับภูเขาไฟ
สาระทางวิทยาศาสตร์
     ผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาเป็นสารที่ละลายน้ำแล้วมีฤทธิ์เป็นเบสน้ำส้มสายชูหรือกรดแอร์ซิตริกเป็นสารประกอบอิทรีย์มีหมู่ไฮโดรคาร์บอนสร้างพันธะกับคาร์บอกซิลจึงกลายเป็นกรดแอรซิกตริกแตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออนจึงมีฤทธิ์เป็นกรดเมื่อน้ำส้มสายชูและผงฟูทำปฏิกิริยากันจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นเกลือและน้ำ และอาจมีสารตัวอื่นเข่ามาทำปฏิกิริยาด้วย เนื่องจากไฮโดรเจนคาร์บอนเนตเป็นสารที่ไม่เสถียรจึกเเตกตัวเป็นน้ำและคาร์บอนไดร์ออกไซต์ จึงเห็นได้ว่าเหตุที่ภูเขาไฟระเบิดนั้นเกิดจากเเก๊สคาร์บอนไอออกไซต์นั้นเอง








สรุปบทความ (เพิ่มเติม)

เรื่อง การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ปฐมวัย 

การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ปฐมวัย 

*********************************************************************
            วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์ ตลอดชีวิตของทุกคนต่างก็มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น  การเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงมีความสำคัญที่จะทำให้คนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและ มีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์ขึ้น รวมถึงการนำความรู้ไปใช้อย่างสร้างสรรค์ มีเหตุผล มีคุณธรรม นอกจากนี้ยังช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ การดูแลรักษาตลอดจนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน
             การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ควรเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมมีประสบการณ์ตรง ได้ลงมือปฏิบัติจริงโดยมีครูเป็นผู้ตอบสนองความสนในของเด็กและส่งเสริมการจัดโครงสร้างความคิดจากประสบการณ์ เพื่อพัฒนามุมมองและความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการส่งเสริมทัศนคติเกี่ยวกับการดูแลและมีความรับผิดชอบที่รักษาสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวอย่างเหมาะสมตามวัย
        กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 โดยมีหลักในการเลือกเนื้อหา 3 ประการดังนี้
1.ขอบเขตเนื้อหาวิทยาศาสตร์
2.ความเหมาะสมต่อพัฒนาการและความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก
3.สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้

    เป้าหมายสำคัญในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์คือ 
1.แสดงความตระหนักรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นผ่านการลงมือปฏิบัติ การสำรวจ การสังเกต การตั้งคำถาม และการแลกเปลี่ยนสิ่งที่ค้นพบ
2.ดำเนินการสืบเสาะหาความรู้อย่างๆด้วยตนเอง อย่างเสรีและตามแยยที่กำหนดให้
3.แสดงความเข้าใจและรู้จักดูแลรักษาธรรมชาติ
4.สืบค้นและสนทนาเกี่ยวกับลักษณะและองค์ประกอบของสิ่งต่างและใช้สิ่งเหล่านั้นได้อย่างปลอดภัย
5.รู้และสามารถใช้สิ่งของที่เป็นเทคโนโลยีอย่างง่ายๆได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
6.เพื่อให้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์
   
              บทบาทการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย 
1.การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย ช่วยให้เด็กได้พัฒนาความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกรอบตัว  เด็กจะได้รับการส่งเสริมและตอบสนองต่อคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างการสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัวของตนเองอย่างเหมาะสม
2.การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย ช่วยให้เด็กได้พัฒนาคุณลักษณะตามวัยที่สำคัญ 4 ด้านได้แก่ ด้านร่างกาย การจัดกิจกรรมให้เด็กได้สำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าและใช้อุปกรณ์สำรวจอย่างง่าย ซึ่งเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก  ด้านอารมณ์และจิตใจ การจัดกิจกรรมสำรวจและทดลอง เด็กได้รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง รู้จักใช้เหตุผล กล้าตัดสินใจ ได้แสดงผลงานและความสามารถจากการสำรวจด้านสังคม เด็กได้ฝึกการช่วยเหลือตนเองในการทำกิจกรรม รู้จักทำงานร่วมกับเพื่อน รู้จักการให้และการรับ ฝึกการปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือข้อตกลงร่วมกัน และเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมรอบตัวและช่วยกันดูและรักษา ด้านสติปัญญา เด็กได้พัฒนาความสามารถในการถามคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ การค้นหาคำตอบด้วยวิธีการต่างที่เหมาะสมกับวัย ได้บอกลักษณะของสิ่งที่สำรวจพบด้วยคำพูด การวาดภาพ ได้เรียนรู้ใหม่และบอกวิธีการเรียนรู้ของตนเอง
3.การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย ช่วยให้เด็กได้มีโอกาสใช้จิตนาการและความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ในการออกแบบและสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ตลอดจนคิดวิธีการแก้ปัญหาต่างๆตามวัยและศักยภาพผ่านทางการเล่นทางวิทยาศาสตร์

               การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัยควรส่งเสริมด้านต่างๆดังนี้ 
1.สนับสนุนและส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก
2.สนับสนุนและส่งเสริมความต้องการในการตั้งคำถาม
3.ส่งเสริมการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ สำรวจ ตรวจสอบ จำแนกสิ่งต่างๆ
4.ส่งเสริมกระบวนการคิด
5.ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์
6.ส่งเสริมความสนใจในการดูแลและรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว
7.เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความรู้สึกชื่นชมยินดีในธรรมชาติ

              การพัฒนาแนวคิดทางวิทยาศาสตร์สามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลายที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคำถาม การทดลอง การสังเกตและการหาข้อสรุปซึ่งเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือวิธีการแก้ปัญหา ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ระดับปฐมวัย


**********************************************************************************




สรุปวิจัย (เพิ่มเติม)

เรื่องผลของการจัดประสบการณ์เสริมทางวิทยาศาตร์ที่มีต่อทักษะการสังเกตที่มีต่อเด็กปฐมวัย

ผู้วิจัย: คุณสุวิทย์ วรรณศรี
               คุณสมบูรณ์ พานิชศิริ

    มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

************************************************

ความมุ่งหมายของวิจัย
  1. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการสังเกตของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ หน่วยวิทยาศาสตร์นอกชั้นเรียน ก่อนเเละหลังการทดลอง
  2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการสังเกตของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ หน่วยวิทยาศาสตร์แบบปกติ ก่อนเเละหลังการทดลอง
  3. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการสังเกตของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ หน่วยวิทยาศาสตร์นอกชั้นเรียนกับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์แบบปกติ

ความสำคัญของการวิจัย
        การศึกษาครั้้งนี้เป็นเเนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะการสังเกตอันเป็นพื้นฐานสำหรับเด็กปฐมวัยให้แก่ครูและผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางของครูในการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ

ขอบเขตการวิจัย
  1. ประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นเด็กปฐมวัยชาย-หญิง อายุระหว่าง5-6 ปี กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่2 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2550 โรงเรียนเมืองเพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบูรณ์เขต1
  2. กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา เป็นเด็กปฐมวัยชาย-หญิง อายุระหว่าง5-6 ปี กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่2 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2550 โรงเรียนเมืองเพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบูรณ์เขต1  ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายจำนวน30คน แล้วจับฉลากแบ่งเป็นกลุ่มทดลองเเละกลุ่มควบคุม กลุ่มละ15คน 
  3. ระยะเวลที่ทใช้ในการทดลอง การทดลองครั้งนี้กระทำระหว่างภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2550 ใช้เวลาในการทดลอง 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ20 นาที 
  4. ตัวแปรที่ศึกษา 
             4.1 ตัวแปรอิสระคือการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศษสตร์ ได้แก่
                  4.1.1 การจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์นอกชั้นเรียน
                  4.1.2 การจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์แบบปกติ
            4.2 ตัวแปรตามคือ ทักษะการสังเกตโดยคุณลักษณะ การกะปรัมาณและการเปลี่ยนแปลง

สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
  1. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์นอกชั้นเรียน มีทักษะการสังเกตสูงขึ้น
  2. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์แบบปกติมีทักษะการสังเกตสูงขึ้น
  3. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์นอกชั้นเรียน มีทักษะการสังเกตแตกต่างจากเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาตร์แบบปกติ
วิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้า
  1. ประเมินก่อนการทดลอง (Pretest) ทั้งกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง โดยใช้แบบประเมินทักษะการสังเกตที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เเผนการจดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์ดังนี้
  2. ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยดำเนินการทดลองด้วยตนเองทั้งกลุ่มควบคุมเเละกลุ่มทดลองโดยใช้เวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้้งละ20 นาที เด็กจะได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์ในกิจกรรมวงกลม คือวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ดังนี้
           2.1 กลุ่มทดลองได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาตร์นอกชั้นเรียน
           2.2 กลุ่มควบคุมได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาตร์แบบปกติ

      3.  เมื่อทำการทดลองภายในเวลา 8 สัปดาห์แล้วจึงทำการแระเมินหลังการทดลอง (Posttest) ทั้งกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง โดยใช้แบบประเมินทักษะการสังเกตสำหรับเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นชุดเดียวกับการประเมินก่อนการทดลองเเล้วนำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูล

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
  1. ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาตร์ ดังนี้
          1.1 แผนการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาตร์นอกชั้นเรียน
          1.2 แผนการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาตร์แบบปกติ
      
      2. แบบประเมินทักษะการสังเกตที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีความเชื่อถือได้ 0.72


สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
          จากการศึกษาทักษะการสังเกตของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาตร์ปรากฏว่า
  1. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์นอกชั้นเรียน กับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์แบบปกติ มีทักษะการสังเกตสูงขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 
  2. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์นอกชั้นเรียน  มีทักษะการสังเกตแตกต่างจากเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์หน่วยวิทยาศาสตร์แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 




วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่14 วันอังคารที่22 พฤศจิกายน (15-0905)
  • ให้แต่ละกลุ่มออกมาสอนตามวันที่กลุ่มตัวเองได้รับผิดชอบ
                          กิจกรรมเสริมปนะสบการณ์บูรณการผ่านวิทยาศาสตร์

วันจันทร์หน่วยไก่
วันอังคารหน่วยนม
วันพุธหน่วยข้าว
วันพฤหัสหน่วยกล้วย  (กลุ่มของดิฉันเอง)
วันศุกร์ หน่วยน้ำ
 และหน่วยส้มเป็นการสอนโดยมีSTEM

                              เรื่องที่กลุ่มของดิฉันสอนคือ ประโยชน์และโทษของกล้วย 

   แผนการจัดประสบการณ์หน่วยกล้วย  กิจกรรมเสริมประสบการณ์เรื่องกล้วยๆของหนูนิด

วัตถุประสงค์


  1. เด็กเเสดงออกถึงความสนุกสนานจาการฟังนิทาน
  2. เด็กสามารถบอกประโยชนของกล้วยได้
  3. เด็กสามารถบอกข้อควรระวังของกล้วยได้
สาระที่ควรเรียนรู้
  • ธรรมชาติรอบตัว
  • สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก
ประสบการณ์สำคัญ
  • ด้านอารมณ์จิตใจ
  • ด้านสติปัญญา
กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
  1. เข้าสู่กิจกรรมโดยการเล่านิทาน เรื่องกล้วยๆของหนูนิด
ขั้นสอน
  1. ครูให้เด็กร่วมกันตอบคำถามจากนิทานว่าเด็กรู้จักประโยชน์ของกล้วยหรือไม่ ว่ามีอะไรบ้าง ข้อควรระวังของกล้วยมีอะไรบ้าง
  2. เมื่อเด็กตอบ ครูจะเป็นผู้บันทึกข้อมูลลงในแผ่นชาร์ตที่เเยกระหว่างประโยชน์และข้อควรระวัง
  3. จากนั้นก็ถามสิ่งที่เด๋กรู้แต่นอกเหนือจากนิทานถ้าเด็กรู้และตอบได้ก็บันทึกเพิ่มเติม
ขั้นสรุป
เด็กและครูร่วมกันสรุปทบทวนความรู้ว่ากล้วยมีประโยชน์เเละข้อควรระวังอย่างไร

สื่อ/แหล่งเรียนรู้
  1. กระดาษชาร์ต
  2. ปากกาเมจิ
  3. นิทาน
การวัดเเละประเมินผล
สังเกตจาก
  1. เด็กเเสดงออกอย่างสนุกสนานการการฟังนิทาน
  2. เด็กสามารถบอกประโยชน์ของกล้วยได้อย่างถูกต้อง
  3. เด็กสามารถบอกข้อควรระวังของกล้วยไก้อย่างถูกต้อง
การบูรณนาการ
  • ภาษา

นิทานเรื่องกล้วยกล้วยของหนูนิด





















คำศัพท์

  • gardener  ชาวสวน
  • Banana    กล้วย
  • privatization การแปรรูป
การนำมาประยุกต์ใช้
  นำกิจกรรมของเพื่อนที่สอนในวันนี้ไปสอนในชั้นเรียนได้จริง เช่นการนำคำคล้องจองหรือนิทานไปเริ่มต้นการเข้าสู่บทเรียนจะทำให้เด็กๆสนใจเรียนมีความรู้สึกอยากเรียน

การประเมินผล
ประเมินตนเอง
สามารถทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนได้ตั้งแต่ต้นจนจบ มีความร่วมมือ 

ประเมินเพื่อน 
เพื่อนๆให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมและเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมมาครบถ้วน

ประเมินอาจารย์
อาจารย์ให้ความสนใจในทุกๆกิจกรรมเเละให้ข้อเสนอเเนะที่ดี สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง